โรงเรียนไทยรัฐวิทยา๑๐๔ (บ้านทุ่งกระถิน)

888 หมู่ 3 บ้านทุ่งกระถิน ตำบล ด่านทันตะโก อำเภอ จอมบึง จังหวัด ราชบุรี 70150

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

032 265 022

เพื่อนผู้เลอะเลือน 

เพื่อนแท้

เพื่อนแท้ หลังจากที่ทั้งสองได้จำกันและกันได้ ส่วนมากนั้นก็พอสังเกตได้ว่าชาวบ้านมักจะมองทวนแปลกๆ อยู่เสมอบางคนไม่มองอย่างเดียวแต่มีซุบซิบนินทาด้วยและทวนก็จะหลบหลีกไม่ออกไปพบปะใคร เขามักจะอยู่ในบ้านกับที่แปลงผักจากนั้นไม่นานมากก็มีโอกาสได้เข้าไปในบ้านของทวนซึ่งภายในบ้านนั้นก็สะอาดสะอ้านดีทั้งห้องนอนห้องครัวและห้องอื่นๆ มากสังเกตว่าการเป็นอยู่ของทวนนั้นเหมือนกับเขาไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพราะในห้องครัวก็มีจานชามหลายใบบางครั้งเขาก็เห็นข้าวถูกเททิ้งไว้จำนวนมากชายหนุ่มรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่อยากถามเพราะกลัวว่าจะเป็นการละลาบละล้วงการเป็นส่วนตัวของเพื่อนและในบางวันเขาก็เห็นทวนซักผ้าห่มสองสามผืนที่ตากเรียงกันอยู่นอกบ้านเป็นผ้าห่มผืนเล็กหนึ่งผืนและผืนใหญ่สองผืน

จนวันหนึ่งเขาอดทนไม่ได้จึงเผลอถามทวนออกไป “ไอ้ทวนเองแอบมีลูกมีเมียแล้วละสิ ซ่อนเก่งนะเองหนิ” แต่ทวนกลับไม่พูดอะไรและได้แต่นั่งอมยิ้มเรื่อยเปื่อยตามแบบฉบับของเขาซึ่งมากเองก็ไม่ได้ว่ากล่าวเพราะเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อน จนคืนหนึ่งที่มีฝนตกหนักและหลังจากที่ฝนซาไปแล้วมากได้ออกไปส่องกบส่องปลาตามไร่นาที่อยู่ใกล้ๆ บ้านของทวนเขาได้มองไปที่บ้านของทวนและเห็นแสงสว่างจากตะเกียงมากเลยคิดที่จะไปชวนทวนออกมาจับกบจับปลาด้วยกันแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงทวนตะโกนบอกใครบางคนให้หยุดเล่นซุกซนและเหมือนจะสั่งให้อีกคนคอยดูแลให้ดีมากยืนฟังด้วยความมึนงง

เพราะจากเงาภายในบ้านเขาเห็นแค่ทวนเดินไปมาอยู่คนเดียวแต่ทวนกลับตะโกนพูดคุยเหมือนกับว่ามีใครอยู่ด้วย “ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกไอ้หนุ่มมันเป็นแบบนี้ประจำนั่นแหละ” มากหันไปมองหาต้นเสียงก็เห็นชายคนหนึ่งที่สะพายข่องไว้ข้างตัวกำลังเดินเข้ามาหาเขาผู้ชายที่เดินเข้ามาใกล้นั้นดูอายุมากแล้วและมากก็จำได้ว่าแกอยู่ในหมู่บ้านมากเลยยิ้มให้และชวนแกพูดคุยจนรู้ว่าแกชื่อเฒ่าผิน เฒ่าผินได้เล่าว่าทวนนั้นเป็นคนบ้ามาตั้งนานแล้ว “ไอ้ทวนมันบ้า มันบ้ามาตั้งนานแล้วเองพึ่งเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ก็เลยยังไม่รู้ละสิ” เมื่อได้ฟังจากน้ำเสียงแล้วมากรู้สึกเหมือนเฒ่าผินจะทั้งรังเกียจและไม่ชอบทวนเอามากๆ พอถามไปถามมาถึงได้รู้ว่าในสมัยที่พ่อของทวนยังเป็นหนุ่มนั้นพ่อของทวนเป็นคนเห็นแก่ตัวและมีทรัพย์สมบัติขึ้นมาจากการขูดเลือดขูดเนื้อชาวบ้านจนกลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยและเพราะผลการที่เป็นคนเห็นแก่ตัวนั้นทำให้พ่อของทวนต้องตายด้วยน้ำมือของลูกหนี้คนหนึ่งที่ทนพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบไม่ไหวจึงได้ฆ่าพ่อของทวนตาย

ซึ่งทวนในตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่ หลังจากที่พ่อของทวนได้ตายจากไปทรัพย์สมบัติจึงตกไปเป็นของแม่ทวนเพียงแต่ผู้เดียวและอาจจะด้วยผลกรรมของการขูดรีดคนอื่นจึงทำให้ทวนเป็นเด็กป้ำๆ เป๋อๆ จนกระทั่งโตเป็นหนุ่ม หลังจากที่มากได้รู้เรื่องราวและกลับมาถึงกระท่อมของเขาแล้วเขาก็ได้นั่งคิดถึงตอนที่เขาได้พบกับแม่ของทวนและทวนในคราวนั้นมากมั่นใจว่าแม่ของทวนเป็นคนดีและทวนเองก็เป็นคนดีด้วย อีกอย่างหลังจากแม่ของทวนตายไปทวนก็เล่าให้เขาฟังว่าเขาได้ขายบ้านหลังใหญ่และนำเงินทองไปบริจาคให้กับวัดเกือบทั้งหมดเหลือไว้แค่บ้านหลังเล็กและเงินทองอีกนิดหน่อยเพื่อไว้เลี้ยงดูตัวเอง

มากคิดว่าชาวบ้านที่นี่น่าจะให้อภัยทวนได้แล้วและไม่ควรจะจงเกลียดจงชังทวนอยู่อย่างนี้ วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งหมู่บ้านได้จัดงานบุญขึ้นมากก็ได้ชวนทวนออกไปจัดเตรียมงานที่วัดร่วมกับชาวบ้านคนอื่นๆ ทวนนั้นในตอนแรกเขาไม่ได้อยากไปเลยเพราะรู้ก้ว่าชาวบ้านหลายคนไม่ชอบเขาซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมชาวบ้านถึงไม่ชอบเขาแต่สิ่งที่ทำได้ก็คือไม่ออกไปพบปะกับใครแต่มากต้องการให้เพื่อนออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างและหากเข้าไปร่วมช่วยเหลืองานของหมู่บ้านบางทีอาจจะทำให้ชาวบ้านมองทวนดีขึ้นก็เป็นได้มากเลยเซ้าซี้จนทวนยอมไปด้วยและในวันนั้นได้มีลูกของชาวบ้านคนหนึ่งที่ไปช่วยงานวัดถูกกิ่งไม้กิ่งใหญ่หล่นลงมาทับขาทวนเห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือเขารับยกกิ่งไม้ออกและปลอบใจเด็กคน

นั้นแต่ปู่ของเด็กกลับตะคอกใส่ทวนจนทวนรู้สึกเสียใจมากจึงรีบเดินเข้าไปหาและพูดกับปู่ของเด็กคนนั้น “ทำไมต้องจงเกลียดจงชังไอ้ทวนมันด้วยเห็นหรือไม่ว่ามันมาช่วยจัดเตรียมงานในวัดและช่วยเหลือเด็กไม่ได้ทำร้ายเด็กสักหน่อย” “ก็ข้าเกลียดพ่อของมันและมันก็เป็นบ้าเลอะเลือนอีกด้วย” “ไอ้ทวนมันไม่ทำร้ายใครแถมยังมีน้ำใจอีก คนบ้าเลอะเลือนแบบนี้มันน่ารังเกียจตรงไหนกัน” ชาวบ้านหลายคนที่ได้ยินมากพูดแบบนั้นบางคนก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยแต่คนที่ไม่ชอบใจทวนก็ยังมีอยู่ หลังจากนั้นมากก็ชวนทวนกลับบ้านเมื่อกลับถึงบ้านก็เย็นพอดีทวนจึงรีบไปเก็บผ้าห่มสามผืนที่ตากเอาไว้อีกทั้งยังรีบเข้าครัวทำมือเย็นอย่างเร่งรีบมากเห็นก็แปลกใจที่เห็นทวนทำกับข้าวมากมาย

ทวนได้ชวนมากให้มากินมื้อเย็นด้วยกันมากเองก้อยากรู้ว่าทวนทำกับข้าวมากมายไปเพื่ออะไรเขาเลยอยู่กินข้าวกับทวนด้วยเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยทวนก็ตกข้าววางไว้สี่ชามและมีกับข้าวชามใหญ่วางอยู่ตรงกลางจากนั้นเขาก็เรียกชื่อผู้หญิงกับชื่อของเด็กผู้ชายให้มากินข้าวทำให้มากนั่งมองเพื่อนอย่างงงๆ และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เองเรียกใครมากินข้าวรึไอ้ทวน” “ข้าเรียกเมียกับลูกของข้า” มากนิ่งอึ้งไปส่วนทวนก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาตักข้าวเข้าปากและกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยหลังจากที่มากนิ่งไปนานพอสมควรและเหร่มองจานข้าวสองจานข้างตัวแล้วเขาก็เริ่มอมยิ้มและกินข้าวในจานของเขา “เองแน่ใจนะว่าเองมีลูกมีเมียแล้ว” ทวนที่กล้มหน้าตั้งตากินข้าวอยู่ก็ชะงักไปและเงยหน้ามองมากอยู่อึดใจหนึ่งจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “นั่นนะสิข้าก็ยัง งงๆ อยู่” พอทวนพูดจบมากก็หัวเราะชอบใจทวนเองก็พลอยหัวเราะไปด้วยมากได้บอกกับทวนว่าไม่ว่าทวนจะเป็นอย่างไรในสายตาชาวบ้าน

แต่สำหรับเขาแล้วทวนเป็นคนดี เมื่อทวนได้ฟังแบบนั้นเขาก็รู้สึกดีใจที่มีคนเข้าใจเขาเหมือนกับที่แม่ของเขาเข้าใจ วันเวลาผ่านไปทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนกันและมากมักจะชวนทวนออกไปช่วยงานของหมู่บ้านอยู่เสมอจนชาวบ้านเริ่มมองทวนเปลี่ยนไปและกลับชอบใจในความมีน้ำใจของเขา ไม่นานหลังจากนั้นทวนก็เริ่มมีอาการดีขึ้นไม่ได้คิดว่าตัวเองมีลูกและมีเมียอยู่ในบ้านอีกแล้วเขามีสติมากขึ้นไม่เหม่อลอยเหมือนกับที่ผ่านมา มากที่สังเกตอยู่เสมอก็รู้สึกดีใจและสุขใจที่ได้ทำตามคำสั่งของตาที่คอยพร่ำบอกกับเขาว่าให้กลับมาทดแทนบุญคุณของครอบครัวทวนและตอนนี้เขาก็ทำตามคำสั่งเสียเสร็จเรียบร้อยแล้วมากได้ให้สัญญากับตัวเองว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีของทวนและจะทำให้ทวนเป็นที่รักของชาวบ้านอีกด้วย

 

บทความอื่นที่น่าสนใจ > คำคม