โรงเรียนไทยรัฐวิทยา๑๐๔ (บ้านทุ่งกระถิน)

888 หมู่ 3 บ้านทุ่งกระถิน ตำบล ด่านทันตะโก อำเภอ จอมบึง จังหวัด ราชบุรี 70150

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

032 265 022

เชอร์ล็อค โฮล์ม

เชอร์ล็อค โฮล์ม

เชอร์ล็อค โฮล์ม วรรณกรรมที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักสืบและการสืบสวนคดีเป็นที่นิยมของนักอ่านมาเป็นเวลานานแล้ว ตัวละครนักสืบคนแรกคือ ซี ออกัสเต้ ดูแปง (C. Auguste Dupin) จากบทประพันธ์ของเอ็ดการ์ อลัน โป (Edgar Allan Poe) นักประพันธ์ชาวอเมริกันที่เขียนไว้ในเรื่องสั้นของเขาในปี 1842

นักสืบคนนี้เป็นต้นแบบให้กับนักสืบในนวนิยายอีกหลายคนที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา รวมถึง เชอร์ล็อค โฮลมส์ นักสืบเอกชนที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเซอร์ อาร์เธอร์ โคแนน ดอยล์ (Sir Arthur Conan Doyle) นักประพันธ์ชาวอังกฤษ 

การทำงานของโฮล์มจะอยู่ในรูปแบบของที่ปรึกษาให้ตำรวจเสียมากกว่า เขาใช้ความสามารถในการสังเกต การหักล้าง นิติวิทยาศาสตร์ และเหตุผลทางตรรกวิทยา มาช่วยในการสืบคดีต่างๆให้กับลูกค้าของเขาโดยเฉพาะสก็อตแลนด์ยาร์ด (Scotland Yard)

การปรากฎตัวครั้งแรกของ  เชอร์ล็อค โฮลมส์ ในเรื่องสั้นเรื่อง A Study in Scarlet ในปี 1887 ทำให้ตัวละครนี้เป็นที่นิยมและปรากฏในเรื่องสั้นชุดที่ลงติดต่อกันในนิตยสารเดอะแสตนด์ (The Strand) เซอร์ อาร์เธอร์ โคแนน ดอยส์ แต่งเรื่องของเชอร์ล็อค โฮลมส์ ไว้เป็นนวนิยายทั้งหมด 4 เรื่อง และเรื่องสั้น 56 เรื่อง เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในยุควิคตอเรียและเอ็ดเวิร์ด ประมาณปี 1880 – 1917 เป็นเรื่องของเชอร์ล็อค โฮลมส์และหมอจอห์น เอช วัตสันผู้ทำหน้าที่เล่าเรื่องและมีส่วนร่วมในการสืบสวนคดีต่างๆ 

เชอร์ล็อค โฮล์ม เกิดเมื่อปี 1854 ไม่มีความชัดเจนในเรื่องพ่อแม่ของเขา โฮลมส์มีพี่ชายชื่อไมครอฟท์เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลซึ่งอายุมากกว่าเขา 7 ปี ไมครอฟท์เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทำงานด้านฐานข้อมูลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาล

ความขัดสนทางการเงินทำให้  โฮล์มและหมอวัตสันต้องแชร์ค่าห้องเช่าร่วมกันที่เลขที่ 221B ถนนเบเกอร์ ภายใต้การดูแลของคุณนายฮัดสัน ในการทำงานเป็นนักสืบของโฮล์มเป็นเวลา 23 ปี หมอวัตสันทำงานเป็นผู้ช่วยเขาถึง 17 ปี ในบันทึกของหมอวัตสันเกี่ยวกับการทำคดีของโฮลมส์

โฮลมส์มักจะวิจารณ์ว่ามันน่าตื่นเต้นแต่ยังขาดความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างโฮลมส์กับวัตสันเต็มไปด้วยมิตรภาพและความห่วงใย ลูกค้าของโฮลมส์มีความหลากหลายตั้งแต่พระมหากษัตริย์จนถึงรัฐบาลในยุโรป ขุนนางและคนรวยไปจนถึงคนยากจน

ทุกคนรู้ว่าโฮลมส์ทำงานให้สก็อตแลนด์ยาร์ดด้วย เรื่องการทำงานของโฮลมส์ที่หมอวัตสันบันทึกไว้ ทำให้ทั่วทั้งยุโรปรู้จักเขาและมักจะมาขอความช่วยเหลือจากเขาแม้แต่ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสและกษัตริย์แห่งโบฮีเมียและสแกนดิเนเวียรวมทั้งวาติกัน แตโฮลมส์ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งอัศวินเขาไม่อยากได้ชื่อเสียงและมักจะยกเครดิตการทำงานให้กับตำรวจมากกว่า 

เรื่องราวที่ได้รับการตีพิมพ์ในระหว่างปี 1887 – 1893 จบลงด้วยความตายของ  เชอร์ล็อค โฮลมส์ขณะต่อสู้กับอาชญากรร้ายศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาตี้ ในตอน The Final Problem เหตุการณ์เกิดในปี 1891 ซึ่งเซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ ได้กล่าวว่าเขาใช้พลังงานทาง วรรรกรรมเกือบทั้งหมดไปกับเรื่องเดียวมากเกินไป มีจดหมายจำนวนมากมาที่นิตยสารเดอะแสตนด์ ต่อว่าเขาและบางคนถึงกับยกเลิกเป็นสมาชิกเพื่อประท้วง มีหลายคนถึงกับไว้ทุกข์ให้กับโฮลมส์ เป็นปฏิกิริยาของสังคมที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับบุคคลที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงๆ

ปี 1901 แปดปีของการประท้วงของสาธารณชน เซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ ได้เขียนเรื่อง The Hound of Baskervilles ออกมาโดยมีบรรยากาศเป็นนัยยะว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนโฮลมส์จะเสียชีวิต ในปี 1903 เซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ เขียนเรื่อง The Adventure of Empty House กล่าวถึงเหตุการณ์ปี 1894 เมื่อโฮลมส์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งโดยบอกหมอวัตสันซึ่งกำลังตกใจว่าเขาต้องการหลอกให้ศัตรูเข้าใจว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว

โฮลมส์เกษียณจากการเป็นนักสืบประมาณก่อนปี 1904 โดยเขาได้ไปอาศัยอยู่ที่ฟาร์มเล็ก ๆ บน Sussex Downs และทำอาชีพเลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพหลัก เรื่องการเกษียณของโฮลมส์ถูกกล่าวถึงใน Adventure of the Second Stain ซึ่งกล่าวถึงโฮลมส์และวัตสันได้ออกจากการเกษียณอายุเพื่อกลับมาช่วยอังกฤษในสงคราม การผจญภัยอีกเพียงครั้งเดียวของพวกเขาใน The Adventure of the Lion’s Mane เกิดขึ้นในช่วงที่เกษียณอายุไปแล้ว

วัตสันอธิบายว่าโฮลมส์เป็น “โบฮีเมียน” โดยนิสัยและไลฟ์สไตล์ของเขา ว่ากันว่าเขารักความสะอาดส่วนตัวเหมือนแมว ในขณะเดียวกันโฮล์มส์ก็เป็นคนแปลกประหลาดโดยไม่คำนึงถึงมาตรฐานความเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือวัฒนธรรมร่วมสมัย

โดยนิสัยส่วนตัวเขาเป็นผู้ชายที่ไม่เรียบร้อยที่สุดคนหนึ่งที่เคยทำให้เพื่อนร่วมบ้านเวียนหัว เขาวางซิการ์ของเขาไว้ในกล่องยาสูบที่อยู่ข้างรองเท้าแตะเปอร์เซียและจดหมายโต้ตอบที่ยังไม่ได้รับคำตอบของเขาสอดไว้ที่กลางหิ้งไม้ แต่ละเดือนเอกสารของเขาสะสมอยู่ทุกมุมห้องซึ่งเป็นเอกสารที่ยังไม่อยู่ในบัญชีที่จะถูกเผาทำลายและไม่สามารถนำออกไปได้

ในขณะที่โฮล์มส์ดูเป็นคนย็นชาแต่ในระหว่างการสืบสวนคดีเขากลับมีชีวิตชีวาและตื่นเต้น เขามีไหวพริบในการแสดงโดยมักจะเก็บซ่อนวิธีการและหลักฐานไว้จนถึงวินาทีสุดท้ายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้สังเกตการณ์ เพื่อนของเขายอมรับว่าเขาเต็มใจที่จะบิดเบือนความจริงหรือฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อลูกค้า โกหกตำรวจ ปกปิดหลักฐานหรือบุกรุกสถานที่ เมื่อเขารู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลและไม่ผิดศีลธรรม เขาเป็นคนไม่ชอบสมาคมกับผู้คนนักในเรื่อง The Gloria Scott เขาบอกหมอวัตสันว่าช่วงสองปีที่วิทยาลัยเขามีเพื่อนเพียงคนเดียว

โฮลมส์จะอดอาหารในช่วงเวลาที่มีต้องใช้สมองหรือปัญญาอย่างเข้มข้นโดยเขาเชื่อว่าปัญญาของคนจะได้รับการขัดเกลาเมื่ออดอาหาร บางครั้งโฮลมส์ก็ผ่อนคลายไปกับดนตรีไม่ว่าจะเป็นการเล่นไวโอลิน หรือเพลิดเพลินกับผลงานของคีตกวี เช่นวากเนอร์และปาโบลเดอซาราซาเต

เซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ เขียนเอาไว้ว่าโฮล์มส์นั้นไร้มนุษยธรรมราวกับเครื่องคำนวณ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะตกหลุมรัก โฮล์มส์กล่าวถึงตัวเขาเองว่า เขาไม่ใช่ผู้ที่รักผู้หญิงอย่างสุดหัวใจ และเขาพบว่าแรงจูงใจของผู้หญิงไม่อาจหยั่งรู้ได้ ใน The Sign of Four เขากล่าวว่าผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดและไม่น่าไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งวัตสันกล่าวไว้ว่าเป็นความรู้สึกที่โหดร้าย ในเรื่อง The Adventure of the Lion’s Mane โฮล์มส์เขียนว่า ผู้หญิงไม่ค่อยมีสิ่งดึงดูดใจสำหรับฉันเพราะสมองของฉันควบคุมหัวใจฉันมาตลอด

ในตอนท้ายของ The Sign of Four โฮล์มส์กล่าวว่า ความรักคือสิ่งที่เป็นเรื่องอารมณ์และอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องอารมณ์มีความตรงข้ามกับเหตุผลที่แท้จริงซึ่งฉันวางไว้เหนือทุกสิ่ง ฉันตัดสินใจแล้วว่าไม่ควรแต่งงาน ในที่สุดโฮล์มส์ก็บอกว่าฉันไม่เคยรัก 

ขณะที่วัตสันบอกว่าโฮลมส์มีความเกลียดชังผู้หญิง เขายังตั้งข้อสังเกตว่าว่ามิสซิสฮัดสันแม่บ้านของพวกเราชอบโฮล์มส์เพราะความอ่อนโยนและความสุภาพที่น่าทึ่งในการติดต่อกับผู้หญิงที่เขาไม่ชอบและไม่ไว้วางใจ เชอร์ล็อด โฮลมส์เป็นนวนิยายด้านการสืบสวนที่มีความคลาสสิคและมีความร่วมสมัยจนถึงปัจจุบันมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีย์ทางโทรทัศน์หลายครั้ง