เว็บบอร์ด ที่ใช้สำหรับการ
การเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้เหมาะสมกับคนที่ชอบ
Quote from admin on ธันวาคม 21, 2020, 6:44 pmการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้เหมาะสมกับคนที่ชอบ
คำว่า โอกาศ มันไม่ได้มาง่ายๆ โอกาส คำง่ายๆ ที่เรานั้นไม่สามารถจับต้องมันได้เลยสักที มันจะมาของมันเองโดยที่เราไม่มีสิทธิ์เลือกได้เลยว่า โอกาศนั้นจะต้องมาหาตอนไหนได้บ้าง ตอนที่เราอ่อนแอหรือตอนที่เราโชคดีที่สุด คำว่า โอกาส สำหรับผมคือการพูดบ่อยๆ พูดให้อีกคน อีกฝั่งได้ยินบ่อยๆว่าเราต้องการอะไร การเสนอตัวของผมอาจจะเป็นที่ไม่พอใจของใครหลายคน แต่เพื่อการอยารอดหรือการก้าวหน้าของหน้าที่และตัวของผมนั้น ผมเชื่อว่าใครหลายคนก็ต้องทำแบบผม
หลังจากที่ผมได้เริ่มทำงานและได้เริ่มที่จะเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการทำงานกับกองทัพอากาศ ทั้งหน้าที่ ทั้งความจริงอะไรหลายอย่างที่บางคนนั้นไม่รู้ ผมเองก็รู้แต่ด้วยกฎหรืออะไรหลายๆอย่างก็ไม่สามารถที่จะพูดออกไปได้ มันอัดอันอยู่ข้างในใจผมมากๆ อยากพูดแต่พูดไม่ได้ ผมได้เสนอตัวเพื่อเข้าไปทำงานในแผนกหนึ่งของกองทัพากาศ แล้วก้ได้เจอกับหมวดท่านหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนก่อนที่จะจบการฝึกผมได้มีโอกาสได้ไปคุย หมวดท่านเขาบอกว่าจะเอามาทำงานด้วยเลยขอชื่อผมไว้
ซึ่งมันเป็นความสบายอย่างหนึ่งที่เราไม่ต้องดิ้นรนหาที่พักข้างนอกค่ายนั้น งานก็เหมือนในสำนักงานอื่นๆ เช่น ทำหนังสือ ส่งหนังสือราชการ เมื่อมีเรื่องให้แผนกของผมนั้นเป็นประธานในเรื่องต่างๆ ผมกับพี่ๆก็จะช่วยกันจัดในเรื่องนั้นเพื่อให้งานนั้นออกมาดีที่สุดเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของแผนก ซึ่งการทำงานของผมได้เข้าตาหมวดท่านหนึ่ง คงเป็นเพราะว่าวันนั้นเป็นวันศุกร์ทุกคนจะกลับบ้านเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ผมขออยู่ทำงานต่อเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งพี่ๆในแผนกก็ช่วยกันจนกลับดึก แต่ผมแค่โชคดีตรงที่ว่าหมวดเข้ามาเห็นตอนที่ผมกำลังทำอยู่คนเดียว หมวดท่านเลยเสนอว่า ในเมื่อวันเสาร์ผมไม่ได้กลับบ้านเลยจะให้ไปช่วยงาน งานหนึ่ง หมวดท่านแนะนำมาว่าให้ใส่ชุดหล่อๆไป ไม่ก็ใส่ชุดอ่อนของทหารอากาศไป ซึ่งเป็นงานที่ผมไม่รู้จักมาก่อนหมวดท่านเลยให้ผมไปศึกษาดูใน Youtube ซึ่งมันเป็นงานเต้นรำของทหารอากาศหรือเฉพาะนายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งเขาเรียกกันว่า งานราตรีชัยพฤกษ์ ณ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ในใจตอนนั้นคิดอย่างเดียวเลยว่า งานนี้ต้องสนุกแน่ๆ
เมื่อได้ไปศึกษาดูอย่างที่หมวดท่านแนะนำมาก็รู้เลยว่า งานนี้เป็นงานเต้นรำหรืองานราตรีหกางคืนของเหล่านักเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งผมมีเวลาซักเสื้อผ้าวันเดียวพยายามหาน้ำยาปรับผ้านุ่มที่หอมที่สุดซักในวันนั้น รู้สึกตื่นเต้นเหมือนเด็กที่กำลังจะได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวันแรกของเขา เหมือนเวลาที่เจ้าบ่าวนั้นกำลังจะสวมแหวนแต่งงานให้เจ้าสาว คงเป็นเพราะมันเป็นการออกงานครั้งแรกของผมซึ่งไม่มีพ่อแม่เพื่อนอยู่เลย แต่ก็ลืมไปว่าตัวเองไปแค่ช่วยงานแต่ใจก็ยังแอบตื่นเต้นอยู่ดี ทั้งวันผมเอาแต่ออกกำลังกายเพื่อที่จะทำให้ตัวเองดูดีไม่แพ้กับนักเรียนนายเรือคนอื่นๆ
และวันเสาร์ก็มาถึง ตื่นมาก็ออกกำลังกายเหมือนเดิมครับ วิ่ง ดันพื้น วิดพื้นทำหมด อาบน้ำ ทานข้าว รีบแอบเอสรถจ่าออกไปซื้อน้ำหอมมาฉีดทั้งตัวและเสื้อผ้า แน่นอนเวลาของความตื่นเต้นก็มาถึงจริงๆ หมวดท่านมารับผมถึงหน้ากองร้อย เขาใส่ชุดราตรีสีน้ำเงิน เกล้าผมสวยเหมือนหญิงไทยยุคก่อน และมาพร้อมกับแฟนของเขาที่เป็นเหมือนนักเรียนนายเรือผมก็ต้องทำความเคารพเพื่อให้เกียรติเขาเพราะผมเองถือว่าเชาเป็นหมวดคนหนึ่งเหมือกัน
แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไรยังเป็นนักเรียนอยู่แต่ด้วยอายุที่มากกว่า ๑ ถึง ๒ ปี ผมก็ไม่ติดอะไร เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช เรามาถึงกันเกือบจะ ๑ทุ่ม ภายในงาน ณ ตอนนั้นคือ คนมากันมากมายทั้งแฟนของนักเรียนนายเรือ นักเรียนนายเรือ ศิษย์เก่า ผู้บังคับบัญชาของหน่วยต่างๆ หมดวท่านพาผมไปที่ๆหนึ่ง ผมขอเรียกว่า ซุ้มขายเครื่องดื่มแต่บรรยากาศเหมือนมานั่งร้านคาเฟ่ ขนาดเล็กๆ ผมไม่เกี่ยงกับหน้าที่ที่ผมได้รับสักนิดผมยินดีทำอย่างเต็มใจ แต่สายตาผมก็ไม่ได้สนใจกับลูกค้าหรือ นักเรียน หรือแขกในงานสักเท่าไหร่
เพราะตอนนั้นผมไปสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งในงาน ผมเดาได้ว่าเขามากับญาติซึ่งดูแล้ว โสดแน่ๆ ก็เลยพยายามเอา สกิลหรือทักษะเก่าๆออกมาใช้เพื่อให้ได้เธอมาคุย ผมจะจีบเธอในสไตล์ผม ตามสูตรของผมแล้ว ต้องมองเขาบ่อยๆจนกว่าเขาจะรู้ตัวพอเขามองมาก็ต้องแกล้งหลบตา แต่ผมรู้ละว่าเขาขำผมที่ผมกลบสายตาเขาทางผมก็เขินอมยิ้มไป ต่อมาผมก็ทำให้เขารู้เลยว่าผมกำลังมองเขา พอได้สบตากันผมก็ยิ้มให้ยกแก้วที่มีน้ำขึ้นมาเพื่อให้เธอคนนั้นรู้ว่า ผมกำลังสนใจเธออยู่
ซึ่งเธอก็ยิ้มแล้วยกแก้วขึ้นมาเชียร์กับผมเหมือนกัน ซึ่งผมไปหาเขาไม่ได้เนื่องจากผมเองก็มีหน้าที่ของผมที่ไปจากตรงที่ผมอยู่ไม่ได้ แต่คนร่วมงานของผมซึ่งเป็นพี่ๆในโรงเรียนนายเรือบอกว่ามองผมมานานแล้ว เขาบอกถ้าเธอคนนั้นส่งสายตามาแบบนั้นแล้วก็สานต่อไปเลย ผมเลยบอกไปตามตรงว่าผมกลัวมหมวดท่านมาแล้วไม่เห็นผมแล้วจะโกรธผม แต่โชคดีที่พี่เขาบอกว่าจะช่วยผมเอง จะช่วยอธิบายอ้างเหตุผลไปต่างๆนาๆ ผมจึงได้โอกาสไปคุยกับเธอตรงบริเวณหอประชุมที่จัดงาน
เธอมากับพี่สาวของเธอซึ่งอยู่ด้วยกันแต่ที่มาด้วยเพราะว่า ตัวเธอเองนั้นไม่สบายพี่สาวให้ออกมาข้างนอกห้องที่อบอ้าวบ้าง แต่อยู่ในงานแล้วเธอมีอาการหนาวมากเลยขอตัวออกมาจากนอกงานแล้วก็รู้ว่าผมกำลังมองเธออยู่ เธอเพิ่งเลิกกับแฟนที่เป็นทหารเหมือนกัน เลิกกันด้วยดีแต่ก็ไม่กลับมาคุยกันอีกเลย เธอได้รับายทุกอย่างออกมาให้ผมฟังหมดทุกอย่าง ผมก็ดีใจที่เธอได้ระบายออกมาดีกว่าให้เก็บไว้คนเดียว ผมถามเธอว่า มีคนเข้ามาคุยเยอะไหม มีคนมาจีบเยอะไหม เธอก็บอกผมตรงๆว่าเยอะเหมือนกัน ผมยอมรับครับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผิวพรรณของเธอขาวใส เวลาอยู่ใกล้ๆจะได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ ผมจำกลิ่นได้มันเป็นกลิ่นของน้ำหอมยี่ห้อ มาดามฟิน ขวดสีดำ มันหอมมาก
ตอนที่เธอกับผมได้คุยกัน ผมเข้าใจอารมณ์ของสุนทรภู่เวลาแต่งนิราศเวลาไปเที่ยวที่ไหนสักทีหรือแต่งกลอนจีบหญิงแล้วจริงๆ ผมจำได้ว่าผมคิดที่จะเขียนความรู้สึกนั้นลงไว้ในสมุดจดของทหาร แม้ภายในงานจะมีผู้คนมากมายหลายล้อมพวกเราทั้ง ๒คน แต่ในหัวใจมันทำให้รู้ว่า ณ ตรงนั้นมีแค่เรา ๒ คนที่อยู่ด้วยกัน ถึงแม้ในวันนั้นฟ้าจะเปิดบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยทะเลของดวงดาวที่สวยงาม แต่ไม่มีดาวดวงไหนสวยไปกว่าดวงตาของเธอ เป็นดวงตาที่สะท้อนดาวที่อยู่บนฟ้า ไม่ว่าคนในงานจะสวยหรือน่ารักแค่ไหน
ณ ตรงนั้น ไม่มีใครสู้เธอได้เลย ในงานที่เต็มไปด้วย ของคาว ของหวานมากมาย แต่ไม่มีกลิ่นไหนเลยที่จะหอมไปกว่า กลื่นน้ำหอมของเธอ แม้ในงานเลี้ยงจะมีเสียงดนตรี เสียงนักร้อง เสียงผู้คนมากมาย แต่ผมกลับได้เสียงของหัวใจของเราที่เต้นพร้อมกัน ถึงแม้เราจะอยู่ไกลกัน แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเราไม่ได้อยู่ไกลกันเราอยู่ใกล้กันแค่มองไม่เห็น ภายในงานเต้นรำที่เต็มไปดวงคู่เต้นรำมากมายในงาน ผมกับเธอได้แค่นั่งคุยกัน
เพราะไม่อาจได้รับสิทธิ์ที่จะออกไปเต้นรำกันในงาน แต่สำหรับผม ตอนนี้ผมกับเธอกำลังเต้นรำกันอยู่ มีนักร้องที่คอยร้องเพลงรักให้อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมีความสุขเข้ามา เวลาขอมันจะเดินเร็วเสมอเหมือนละครที่ฉายอยู่มันก็ต้องมีตอนจบที่จบแบบบริบูรณ์ เมื่อเสียงขอนาฬิกาความฝันบอกผมว่า งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ได้หมดลงแล้ว ได้เวลากลับไปทำหน้าที่ต่อ ผมทำได้แค่จูงมือเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าของผมขึ้นรถฟักทองของเธอ กลับไปมีความสุขในแบบของเธอไม่ใช่มีความสุขในความฝันเหม่อลอยของผม
แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายเจ้าชายกับซินเดอเรลล่าจะต้องกลับมาเจอกัน (แต่ตอนนี้ผมรู้ว่า เจ้าชายคนเก่าของเธอได้กลับมาหาเธอแล้ว) เมื่อผมกลับมาทำหน้าที่ต่อ ก็เหมือนกับมาสู่โลกความจริงของผม ความจริงที่ผมละเลยหน้าที่แต่หมวดท่านไม่รู้ถือว่ารอดตัวไป และเมื่องานจบลงจริงๆแล้ว ผมก็ได้กลับมายังกองร้อยและได้ขอพรจากทะเลดาวในวันนั้นว่า ขอให้เจอเธออีกครั้ง ในความฝันก็ยังดี
การเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้เหมาะสมกับคนที่ชอบ
คำว่า โอกาศ มันไม่ได้มาง่ายๆ โอกาส คำง่ายๆ ที่เรานั้นไม่สามารถจับต้องมันได้เลยสักที มันจะมาของมันเองโดยที่เราไม่มีสิทธิ์เลือกได้เลยว่า โอกาศนั้นจะต้องมาหาตอนไหนได้บ้าง ตอนที่เราอ่อนแอหรือตอนที่เราโชคดีที่สุด คำว่า โอกาส สำหรับผมคือการพูดบ่อยๆ พูดให้อีกคน อีกฝั่งได้ยินบ่อยๆว่าเราต้องการอะไร การเสนอตัวของผมอาจจะเป็นที่ไม่พอใจของใครหลายคน แต่เพื่อการอยารอดหรือการก้าวหน้าของหน้าที่และตัวของผมนั้น ผมเชื่อว่าใครหลายคนก็ต้องทำแบบผม
หลังจากที่ผมได้เริ่มทำงานและได้เริ่มที่จะเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการทำงานกับกองทัพอากาศ ทั้งหน้าที่ ทั้งความจริงอะไรหลายอย่างที่บางคนนั้นไม่รู้ ผมเองก็รู้แต่ด้วยกฎหรืออะไรหลายๆอย่างก็ไม่สามารถที่จะพูดออกไปได้ มันอัดอันอยู่ข้างในใจผมมากๆ อยากพูดแต่พูดไม่ได้ ผมได้เสนอตัวเพื่อเข้าไปทำงานในแผนกหนึ่งของกองทัพากาศ แล้วก้ได้เจอกับหมวดท่านหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนก่อนที่จะจบการฝึกผมได้มีโอกาสได้ไปคุย หมวดท่านเขาบอกว่าจะเอามาทำงานด้วยเลยขอชื่อผมไว้
ซึ่งมันเป็นความสบายอย่างหนึ่งที่เราไม่ต้องดิ้นรนหาที่พักข้างนอกค่ายนั้น งานก็เหมือนในสำนักงานอื่นๆ เช่น ทำหนังสือ ส่งหนังสือราชการ เมื่อมีเรื่องให้แผนกของผมนั้นเป็นประธานในเรื่องต่างๆ ผมกับพี่ๆก็จะช่วยกันจัดในเรื่องนั้นเพื่อให้งานนั้นออกมาดีที่สุดเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของแผนก ซึ่งการทำงานของผมได้เข้าตาหมวดท่านหนึ่ง คงเป็นเพราะว่าวันนั้นเป็นวันศุกร์ทุกคนจะกลับบ้านเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ผมขออยู่ทำงานต่อเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งพี่ๆในแผนกก็ช่วยกันจนกลับดึก แต่ผมแค่โชคดีตรงที่ว่าหมวดเข้ามาเห็นตอนที่ผมกำลังทำอยู่คนเดียว หมวดท่านเลยเสนอว่า ในเมื่อวันเสาร์ผมไม่ได้กลับบ้านเลยจะให้ไปช่วยงาน งานหนึ่ง หมวดท่านแนะนำมาว่าให้ใส่ชุดหล่อๆไป ไม่ก็ใส่ชุดอ่อนของทหารอากาศไป ซึ่งเป็นงานที่ผมไม่รู้จักมาก่อนหมวดท่านเลยให้ผมไปศึกษาดูใน Youtube ซึ่งมันเป็นงานเต้นรำของทหารอากาศหรือเฉพาะนายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งเขาเรียกกันว่า งานราตรีชัยพฤกษ์ ณ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ในใจตอนนั้นคิดอย่างเดียวเลยว่า งานนี้ต้องสนุกแน่ๆ
เมื่อได้ไปศึกษาดูอย่างที่หมวดท่านแนะนำมาก็รู้เลยว่า งานนี้เป็นงานเต้นรำหรืองานราตรีหกางคืนของเหล่านักเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งผมมีเวลาซักเสื้อผ้าวันเดียวพยายามหาน้ำยาปรับผ้านุ่มที่หอมที่สุดซักในวันนั้น รู้สึกตื่นเต้นเหมือนเด็กที่กำลังจะได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวันแรกของเขา เหมือนเวลาที่เจ้าบ่าวนั้นกำลังจะสวมแหวนแต่งงานให้เจ้าสาว คงเป็นเพราะมันเป็นการออกงานครั้งแรกของผมซึ่งไม่มีพ่อแม่เพื่อนอยู่เลย แต่ก็ลืมไปว่าตัวเองไปแค่ช่วยงานแต่ใจก็ยังแอบตื่นเต้นอยู่ดี ทั้งวันผมเอาแต่ออกกำลังกายเพื่อที่จะทำให้ตัวเองดูดีไม่แพ้กับนักเรียนนายเรือคนอื่นๆ
และวันเสาร์ก็มาถึง ตื่นมาก็ออกกำลังกายเหมือนเดิมครับ วิ่ง ดันพื้น วิดพื้นทำหมด อาบน้ำ ทานข้าว รีบแอบเอสรถจ่าออกไปซื้อน้ำหอมมาฉีดทั้งตัวและเสื้อผ้า แน่นอนเวลาของความตื่นเต้นก็มาถึงจริงๆ หมวดท่านมารับผมถึงหน้ากองร้อย เขาใส่ชุดราตรีสีน้ำเงิน เกล้าผมสวยเหมือนหญิงไทยยุคก่อน และมาพร้อมกับแฟนของเขาที่เป็นเหมือนนักเรียนนายเรือผมก็ต้องทำความเคารพเพื่อให้เกียรติเขาเพราะผมเองถือว่าเชาเป็นหมวดคนหนึ่งเหมือกัน
แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไรยังเป็นนักเรียนอยู่แต่ด้วยอายุที่มากกว่า ๑ ถึง ๒ ปี ผมก็ไม่ติดอะไร เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช เรามาถึงกันเกือบจะ ๑ทุ่ม ภายในงาน ณ ตอนนั้นคือ คนมากันมากมายทั้งแฟนของนักเรียนนายเรือ นักเรียนนายเรือ ศิษย์เก่า ผู้บังคับบัญชาของหน่วยต่างๆ หมดวท่านพาผมไปที่ๆหนึ่ง ผมขอเรียกว่า ซุ้มขายเครื่องดื่มแต่บรรยากาศเหมือนมานั่งร้านคาเฟ่ ขนาดเล็กๆ ผมไม่เกี่ยงกับหน้าที่ที่ผมได้รับสักนิดผมยินดีทำอย่างเต็มใจ แต่สายตาผมก็ไม่ได้สนใจกับลูกค้าหรือ นักเรียน หรือแขกในงานสักเท่าไหร่
เพราะตอนนั้นผมไปสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งในงาน ผมเดาได้ว่าเขามากับญาติซึ่งดูแล้ว โสดแน่ๆ ก็เลยพยายามเอา สกิลหรือทักษะเก่าๆออกมาใช้เพื่อให้ได้เธอมาคุย ผมจะจีบเธอในสไตล์ผม ตามสูตรของผมแล้ว ต้องมองเขาบ่อยๆจนกว่าเขาจะรู้ตัวพอเขามองมาก็ต้องแกล้งหลบตา แต่ผมรู้ละว่าเขาขำผมที่ผมกลบสายตาเขาทางผมก็เขินอมยิ้มไป ต่อมาผมก็ทำให้เขารู้เลยว่าผมกำลังมองเขา พอได้สบตากันผมก็ยิ้มให้ยกแก้วที่มีน้ำขึ้นมาเพื่อให้เธอคนนั้นรู้ว่า ผมกำลังสนใจเธออยู่
ซึ่งเธอก็ยิ้มแล้วยกแก้วขึ้นมาเชียร์กับผมเหมือนกัน ซึ่งผมไปหาเขาไม่ได้เนื่องจากผมเองก็มีหน้าที่ของผมที่ไปจากตรงที่ผมอยู่ไม่ได้ แต่คนร่วมงานของผมซึ่งเป็นพี่ๆในโรงเรียนนายเรือบอกว่ามองผมมานานแล้ว เขาบอกถ้าเธอคนนั้นส่งสายตามาแบบนั้นแล้วก็สานต่อไปเลย ผมเลยบอกไปตามตรงว่าผมกลัวมหมวดท่านมาแล้วไม่เห็นผมแล้วจะโกรธผม แต่โชคดีที่พี่เขาบอกว่าจะช่วยผมเอง จะช่วยอธิบายอ้างเหตุผลไปต่างๆนาๆ ผมจึงได้โอกาสไปคุยกับเธอตรงบริเวณหอประชุมที่จัดงาน
เธอมากับพี่สาวของเธอซึ่งอยู่ด้วยกันแต่ที่มาด้วยเพราะว่า ตัวเธอเองนั้นไม่สบายพี่สาวให้ออกมาข้างนอกห้องที่อบอ้าวบ้าง แต่อยู่ในงานแล้วเธอมีอาการหนาวมากเลยขอตัวออกมาจากนอกงานแล้วก็รู้ว่าผมกำลังมองเธออยู่ เธอเพิ่งเลิกกับแฟนที่เป็นทหารเหมือนกัน เลิกกันด้วยดีแต่ก็ไม่กลับมาคุยกันอีกเลย เธอได้รับายทุกอย่างออกมาให้ผมฟังหมดทุกอย่าง ผมก็ดีใจที่เธอได้ระบายออกมาดีกว่าให้เก็บไว้คนเดียว ผมถามเธอว่า มีคนเข้ามาคุยเยอะไหม มีคนมาจีบเยอะไหม เธอก็บอกผมตรงๆว่าเยอะเหมือนกัน ผมยอมรับครับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผิวพรรณของเธอขาวใส เวลาอยู่ใกล้ๆจะได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ ผมจำกลิ่นได้มันเป็นกลิ่นของน้ำหอมยี่ห้อ มาดามฟิน ขวดสีดำ มันหอมมาก
ตอนที่เธอกับผมได้คุยกัน ผมเข้าใจอารมณ์ของสุนทรภู่เวลาแต่งนิราศเวลาไปเที่ยวที่ไหนสักทีหรือแต่งกลอนจีบหญิงแล้วจริงๆ ผมจำได้ว่าผมคิดที่จะเขียนความรู้สึกนั้นลงไว้ในสมุดจดของทหาร แม้ภายในงานจะมีผู้คนมากมายหลายล้อมพวกเราทั้ง ๒คน แต่ในหัวใจมันทำให้รู้ว่า ณ ตรงนั้นมีแค่เรา ๒ คนที่อยู่ด้วยกัน ถึงแม้ในวันนั้นฟ้าจะเปิดบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยทะเลของดวงดาวที่สวยงาม แต่ไม่มีดาวดวงไหนสวยไปกว่าดวงตาของเธอ เป็นดวงตาที่สะท้อนดาวที่อยู่บนฟ้า ไม่ว่าคนในงานจะสวยหรือน่ารักแค่ไหน
ณ ตรงนั้น ไม่มีใครสู้เธอได้เลย ในงานที่เต็มไปด้วย ของคาว ของหวานมากมาย แต่ไม่มีกลิ่นไหนเลยที่จะหอมไปกว่า กลื่นน้ำหอมของเธอ แม้ในงานเลี้ยงจะมีเสียงดนตรี เสียงนักร้อง เสียงผู้คนมากมาย แต่ผมกลับได้เสียงของหัวใจของเราที่เต้นพร้อมกัน ถึงแม้เราจะอยู่ไกลกัน แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเราไม่ได้อยู่ไกลกันเราอยู่ใกล้กันแค่มองไม่เห็น ภายในงานเต้นรำที่เต็มไปดวงคู่เต้นรำมากมายในงาน ผมกับเธอได้แค่นั่งคุยกัน
เพราะไม่อาจได้รับสิทธิ์ที่จะออกไปเต้นรำกันในงาน แต่สำหรับผม ตอนนี้ผมกับเธอกำลังเต้นรำกันอยู่ มีนักร้องที่คอยร้องเพลงรักให้อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมีความสุขเข้ามา เวลาขอมันจะเดินเร็วเสมอเหมือนละครที่ฉายอยู่มันก็ต้องมีตอนจบที่จบแบบบริบูรณ์ เมื่อเสียงขอนาฬิกาความฝันบอกผมว่า งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ได้หมดลงแล้ว ได้เวลากลับไปทำหน้าที่ต่อ ผมทำได้แค่จูงมือเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าของผมขึ้นรถฟักทองของเธอ กลับไปมีความสุขในแบบของเธอไม่ใช่มีความสุขในความฝันเหม่อลอยของผม
แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายเจ้าชายกับซินเดอเรลล่าจะต้องกลับมาเจอกัน (แต่ตอนนี้ผมรู้ว่า เจ้าชายคนเก่าของเธอได้กลับมาหาเธอแล้ว) เมื่อผมกลับมาทำหน้าที่ต่อ ก็เหมือนกับมาสู่โลกความจริงของผม ความจริงที่ผมละเลยหน้าที่แต่หมวดท่านไม่รู้ถือว่ารอดตัวไป และเมื่องานจบลงจริงๆแล้ว ผมก็ได้กลับมายังกองร้อยและได้ขอพรจากทะเลดาวในวันนั้นว่า ขอให้เจอเธออีกครั้ง ในความฝันก็ยังดี